พัฒนาสมอง

Listen to this article
Ready
พัฒนาสมอง
พัฒนาสมอง

พัฒนาสมอง ด้วยหลักการประสาทวิทยาและจิตวิทยาการเรียนรู้โดยอรพรรณ ศรีสุวรรณ

แนวทางและความรู้เชิงลึกเพื่อเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้และพัฒนาสมองจากนักจิตวิทยามืออาชีพ

พัฒนาสมองไม่ได้เป็นเพียงแค่การฝึกฝนหรือท่องจำเท่านั้น แต่เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับความเข้าใจลึกซึ้งในวิทยาศาสตร์ของสมองและการเรียนรู้ อรพรรณ ศรีสุวรรณ นักจิตวิทยาผู้มีประสบการณ์กว่า 15 ปี และผู้ที่จบการศึกษาด้านประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยมหิดล จะพาเราไปเรียนรู้วิธีการพัฒนาสมองอย่างถูกต้องและได้ผล พร้อมทั้งอธิบายบทบาทสำคัญของประสาทวิทยาและจิตวิทยาการเรียนรู้ในกระบวนการนี้


ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของอรพรรณ ศรีสุวรรณ ในด้านการพัฒนาสมอง


อรพรรณ ศรีสุวรรณ มีประสบการณ์กว่า 15 ปีในวงการจิตวิทยาด้านพัฒนาสมอง โดยมุ่งเน้นการเข้าใจ กระบวนการเรียนรู้และการทำงานของสมอง ผ่านการวิจัยและการปฏิบัติอย่างจริงจัง เธอได้นำแนวคิดจากประสาทวิทยาและจิตวิทยาการเรียนรู้มาประยุกต์ใช้ เพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม

จากงานวิจัยและประสบการณ์ตรง อรพรรณพบว่า การกระตุ้นสมองด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น การฝึกสมาธิ การจัดการกับความเครียด และการเรียนรู้อย่างมีเป้าหมาย สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในด้านความจำและสมาธิได้อย่างชัดเจน (Lutz et al., 2008; Tang et al., 2015) เธอจึงแนะนำให้เริ่มต้นด้วยการตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ที่ชัดเจน และใช้เทคนิคการแบ่งเวลา (Pomodoro Technique) เพื่อเพิ่มสมาธิในแต่ละช่วงเวลา

ในด้านการปฏิบัติจริง อรพรรณมักแบ่งขั้นตอนการพัฒนาสมองเป็นดังนี้:

  • วิเคราะห์ปัญหาและเป้าหมายส่วนตัว: เช่น สมาธิสั้นหรือการจดจำไม่ดี
  • ใช้เครื่องมือและแบบทดสอบทางจิตวิทยา: ตรวจสอบจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนา
  • เลือกใช้เทคนิคการฝึกสมอง: เช่น เกมฝึกความจำ การฝึกสมาธิ หรือการเรียนรู้แบบ Active Learning
  • ติดตามผลและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ: หมั่นบันทึกความคืบหน้าและปรับวิธีการตามความเหมาะสม

ความท้าทายทั่วไป ที่อรพรรณพบในการพัฒนา ได้แก่ การขาดวินัยในการฝึกฝน และความยากลำบากในการปรับวิธีการให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการสร้างระบบสนับสนุน เช่น กลุ่มเพื่อนหรือโค้ช

อรพรรณยังเน้นย้ำว่า ความน่าเชื่อถือของการพัฒนา ต้องมาจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการตรวจสอบและทดลองจริง (Charney, 2013) ดังนั้นการทำงานกับนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญในสถาบันต่างๆ เช่นมหาวิทยาลัยมหิดล จึงเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้แนวทางเหล่านี้มีประสิทธิผลและน่าเชื่อถือ



การศึกษาและพื้นฐานด้านประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยมหิดล


ในหนังสือ พัฒนาสมอง ด้วยหลักการประสาทวิทยาและจิตวิทยาการเรียนรู้โดยอรพรรณ ศรีสุวรรณ บทนี้เน้นการเปรียบเทียบและวิเคราะห์ความรู้ด้าน ประสาทวิทยา ที่อรพรรณได้รับจากมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนาสมองมนุษย์ โดยประสาทวิทยาเป็นศาสตร์พื้นฐานที่ศึกษาโครงสร้างและหน้าที่ของระบบประสาทอย่างละเอียด ทำให้สามารถเข้าใจกลไกการทำงานของสมองในระดับเซลล์ประสาทและเครือข่ายสำหรับการเรียนรู้และจดจำ (Bear et al., 2016; Kandel et al., 2013)

การศึกษาของอรพรรณแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างเชิงวิธีการเมื่อเทียบกับการเรียนรู้ทั่วไป เพราะเน้นการวิเคราะห์ข้อมูลทางประสาทวิทยาเชิงลึก เพื่อนำผลมาใช้ในการออกแบบเทคนิคพัฒนาสมองที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เช่น การใช้ neuroplasticity หรือความยืดหยุ่นของสมองในการปรับตัวกับสถานการณ์ใหม่ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ได้มากกว่าการสอนแบบเดิมๆ (Doidge, 2007)

ข้อดีของหลักสูตรนี้คือการรวบรวมความรู้เชิงวิทยาศาสตร์อย่างเป็นระบบ ผนวกกับการปฏิบัติจริงในกลุ่มเป้าหมายหลากหลาย เช่น เด็กที่มีปัญหาการเรียนรู้ หรือผู้สูงอายุที่ต้องการรักษาความทรงจำ อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดอาจอยู่ที่ระดับการปรับใช้เทคนิคที่ต้องอาศัยทรัพยากรและเวลาในการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ทำให้บางกรณียังต้องการการศึกษาขยายผลเพิ่มเติม (Lilienfeld, 2018)

เมื่อเปรียบเทียบกับแนวทางพัฒนาสมองอื่น ๆ บทเรียนจากประสาทวิทยานี้มีความได้เปรียบในแง่ความแม่นยำและความน่าเชื่อถือจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เป็นหลัก ขณะเดียวกันก็สร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งในระดับเชิงระบบสมอง จึงแนะนำให้ผู้อ่านที่สนใจพัฒนาสมองอย่างมีประสิทธิภาพควรผสานความรู้จากประสาทวิทยาเข้ากับการประเมินผลทางจิตวิทยาอย่างครบวงจรเพื่อการปรับใช้ที่เหมาะสมในชีวิตจริง

โดยสรุป ความเชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาของอรพรรณได้รับการสนับสนุนด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์และงานวิจัยระดับสากล (Gazzaniga, 2018) ซึ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความมั่นใจให้กับผู้อ่านในเส้นทางการพัฒนาสมองและศักยภาพด้านการเรียนรู้ต่อไป



บทบาทของงานวิจัยและการนำความรู้ด้านสมองไปใช้ในทางปฏิบัติ


ในฐานะนักจิตวิทยาที่มีประสบการณ์กว่า 15 ปีในด้านการ พัฒนาสมอง และ จิตวิทยาการเรียนรู้ อรพรรณ ศรีสุวรรณ ได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยชั้นนำในประเทศไทยเพื่อศึกษางานวิจัยที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับกลไกของสมองและกระบวนการเรียนรู้ของมนุษย์ ผลการวิจัยเหล่านี้มุ่งเน้นการพัฒนาเทคนิคและแนวทางที่สามารถนำไปใช้จริงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้และเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดี

หนึ่งในหัวข้อวิจัยที่ได้รับการสำรวจอย่างละเอียดคือ เทคนิคการฝึกสมาธิ (Meditation Techniques) โดยพบว่าการฝึกสมาธิแบบมีโครงสร้างช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุมสมาธิของผู้เรียน ส่งผลให้การจัดการกับสิ่งรบกวนภายนอกดีขึ้น และสมองส่วน prefrontal cortex พัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน (Tang et al., 2015) นอกจากนี้ การฝึกสมาธิยังช่วยลดระดับความเครียดซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ขัดขวางกระบวนการเรียนรู้

ในด้าน การจัดการกับความเครียด งานวิจัยได้ทดลองใช้วิธีการฝึกหายใจและการผสมผสานกิจกรรมทางร่างกายกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative Learning) ซึ่งพบว่าการลดความเครียดในระดับที่เหมาะสม ช่วยทำให้สมองสร้างเครือข่ายประสาทใหม่ (neuroplasticity) ได้ดียิ่งขึ้น โดยการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ส่งเสริมการประมวลผลข้อมูลที่ลึกซึ้งและการจดจำที่ยาวนานกว่า (Johnson & Johnson, 2019)

ลองดูในตารางด้านล่างที่สรุป เทคนิคและแนวทางการพัฒนาสมองที่มาจากงานวิจัยชั้นนำของอรพรรณ พร้อมผลลัพธ์ที่วัดได้ในเชิงปฏิบัติ:

สรุปเทคนิคและผลลัพธ์จากงานวิจัยพัฒนาสมองและการเรียนรู้
เทคนิค/แนวทาง วัตถุประสงค์ ผลลัพธ์ที่วัดได้ การประยุกต์ใช้จริง
ฝึกสมาธิแบบมีโครงสร้าง (Structured Meditation) พัฒนาการควบคุมสมาธิและลดสิ่งรบกวน เพิ่มการทำงานของ prefrontal cortex และลดความวิตกกังวล (Tang et al., 2015) ใช้ในหลักสูตรฝึกอบรมการเรียนรู้ของนักเรียนและบุคลากร
เทคนิคการจัดการความเครียดด้วยหายใจและกิจกรรมทางร่างกาย ลดความเครียดเพื่อส่งเสริม neuroplasticity ปรับปรุงการรับรู้และความจำระยะยาว (Johnson & Johnson, 2019) ใช้กับโปรแกรมสุขภาพจิตในโรงเรียนและองค์กร
การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Collaborative Learning) กระตุ้นการประมวลผลเชิงลึกและเพิ่มการจดจำ ผลักดันการพัฒนาความคิดเชิงวิพากษ์และความคิดสร้างสรรค์ ใช้ในห้องเรียนและเวิร์กช็อปฝึกทักษะต่างๆ

ผลวิจัยเหล่านี้ได้ถูกนำมาใช้จริงในโปรแกรมพัฒนาศักยภาพผู้เรียนทั้งในระดับโรงเรียนและองค์กรภาครัฐและเอกชน โดยมีการติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการปรับปรุงและขยายผลไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ทั้งนี้ อรพรรณเน้นให้ความสำคัญกับการ ประยุกต์ใช้ข้อมูลวิทยาศาสตร์เชิงลึกอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การพัฒนาสมองและการเรียนรู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

การอ้างอิง:

  • Tang, Y.-Y., Hölzel, B. K., & Posner, M. I. (2015). The neuroscience of mindfulness meditation. Nature Reviews Neuroscience, 16(4), 213–225.
  • Johnson, D. W., & Johnson, R. T. (2019). Cooperative learning and social interdependence theory. In Handbook of Research on Learning and Instruction (pp. 91–104). Routledge.
--- Explore AI-based language learning and communication solutions with Talkpal. [Learn more](https://aiautotool.com/redirect/2699274)

ความสำคัญของประสาทวิทยาและจิตวิทยาการเรียนรู้ในการพัฒนาสมอง


เมื่อลองนึกถึง สมอง เราอาจมองเห็นเพียงก้อนเนื้อสีเทาที่ซับซ้อน แต่ในความเป็นจริง สมองประกอบด้วยโครงสร้างหลากหลายที่ทำงานร่วมกันอย่างมีระบบ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ ประสาทวิทยา —ศาสตร์ที่ศึกษาลักษณะโครงสร้างและหน้าที่ของสมองอย่างลึกซึ้ง อรพรรณ ศรีสุวรรณ ผู้ซึ่งสั่งสมประสบการณ์กว่า 15 ปีในด้านนี้ เล่าให้ฟังว่า การทำความเข้าใจสมองไม่ใช่แค่เรื่องของรากฐานทางชีววิทยาเท่านั้น แต่ยังต้องผสานกับ จิตวิทยาการเรียนรู้ เพื่อเข้าถึงพฤติกรรมและกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากสมอง

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือทฤษฎี Neuroplasticity หรือ “ความยืดหยุ่นของสมอง” ที่ได้รับการยืนยันในงานวิจัยหลายชิ้น เช่น งานของ Dr. Michael Merzenich ผู้บุกเบิกด้านการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสมองหลังการเรียนรู้ เราสามารถกระตุ้นสมองเพื่อเสริมสร้างการเชื่อมโยงใหม่ ๆ ได้ผ่านการฝึกฝนและปฏิบัติจริง อรพรรณจึงเน้นย้ำถึงการใช้เทคนิคอย่าง การฝึกสติ (mindfulness) และ การเรียนรู้เชิงรุก ที่เป็นเครื่องมือช่วยกระตุ้นสมองด้านพฤติกรรมและความคิดอย่างมีประสิทธิภาพ

ในงานวิจัยร่วมกับสถาบันชั้นนำ อรพรรณยังเน้นการวัดผลด้วยเครื่องมืออย่าง fMRI หรือ EEG เพื่อชี้ชัดว่าการเรียนรู้ไม่ใช่เพียงการจำ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงหน้าที่บางส่วนของสมองอย่างเป็นรูปธรรม โดยการเข้าใจหลักการพื้นฐานเหล่านี้ เราสามารถจัดกิจกรรมและสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับสมองแต่ละบุคคลได้มากขึ้น

ในท้ายที่สุด การผสานศาสตร์ประสาทวิทยาและจิตวิทยาการเรียนรู้ไม่ใช่เป้าหมายของการวิจัยอย่างเดียว แต่เป็นสะพานที่เชื่อมโลกของ โครงสร้างสมอง กับ พฤติกรรมการเรียนรู้ เข้าด้วยกัน เพื่อให้เรารู้จักวิธี พัฒนาสมอง และการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพตามวิทยาศาสตร์จริงๆ ซึ่งผู้สนใจสามารถนำไปใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวันและการศึกษาอย่างมั่นใจ (อ่านเพิ่มเติมในงานวิจัยของ LeDoux, J. E. (2012). “Rethinking the Emotional Brain.” Neuron, 73(4), 653-676.)



คำแนะนำสำหรับนักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจในการพัฒนาทักษะสมอง


ในประสบการณ์กว่า 15 ปีของฉันในการศึกษาพัฒนาสมองและจิตวิทยาการเรียนรู้ที่มหาวิทยาลัยมหิดลและสถาบันวิจัยชั้นนำ อรพรรณ ศรีสุวรรณพบว่าการจัดการเวลาการเรียน และการสร้างนิสัยอย่างเป็นระบบคือรากฐานสำคัญที่จะช่วยให้สมองทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น การแบ่งเวลาการเรียนออกเป็นช่วงสั้น ๆ อย่างน้อย 25 นาที (เทคนิค Pomodoro) เพื่อเพิ่มสมาธิและลดความเหนื่อยล้า ผลงานวิจัยของ Cirillo (2018) สนับสนุนแนวทางนี้ว่าการพักเบรกช่วยเพิ่มการประมวลผลของสมองได้ดีขึ้น

นอกจากนั้น การใช้การเรียนรู้เชิงรุก เช่น การตั้งคำถามกับสิ่งที่เรียนรู้ การลองสอนผู้อื่น หรือการเชื่อมโยงเนื้อหากับประสบการณ์จริง เป็นวิธีที่ช่วยให้สมองเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและจดจำข้อมูลได้นานขึ้น เช่นกรณีของนักเรียนที่นำเทคนิคนี้ไปทดลอง ศึกษาพบว่ามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้นถึง 20% ภายใน 3 เดือน

การพักผ่อนด้านสมอง ยังเป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักของการพัฒนาสมอง การนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง และการทำสมาธิช่วยลดความเครียดและฟื้นฟูพลังงานสมอง ที่สำคัญคือควรหลีกเลี่ยงการใช้หน้าจอนานเกินไปก่อนนอน เพราะส่งผลเสียต่อการนอนและการจัดเก็บความทรงจำ[Harvard Medical School, 2020]

ตารางสรุปเทคนิคการพัฒนาสมองและสมาธิที่แนะนำโดยอรพรรณ ศรีสุวรรณ
หัวข้อ เทคนิคหลัก ตัวอย่าง/ประโยชน์ อ้างอิง
การจัดการเวลา ใช้เทคนิค Pomodoro (25 นาทีเรียน/5 นาทีพัก) เพิ่มสมาธิและลดความเหนื่อยล้า Cirillo (2018)
นิสัยการเรียนรู้ สร้างตารางเรียนรู้ประจำวันและทำซ้ำเนื้อหา ช่วยลดภาระสมองและเพิ่มความจำระยะยาว Ormrod (2017)
การเรียนรู้เชิงรุก ตั้งคำถามและสอนผู้อื่น เพิ่มความเข้าใจและผลสัมฤทธิ์ Chi (2009)
พักผ่อนสมอง นอนหลับ 7–8 ชั่วโมงและทำสมาธิ ลดความเครียด ฟื้นตัวสมอง Harvard Medical School (2020)

ทั้งนี้ ข้อมูลทั้งหมดอ้างอิงจากงานวิจัยที่น่าเชื่อถือและประสบการณ์ตรงของผู้เขียน ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับบุคคลและสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน เพื่อให้ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้และพัฒนาสมองอย่างเป็นระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ



การพัฒนาสมองเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าซึ่งผสมผสานความรู้ด้านประสาทวิทยาและจิตวิทยาการเรียนรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของอรพรรณ ศรีสุวรรณ ช่วยชี้แนะวิธีการฝึกสมองและเสริมสมาธิอย่างเป็นระบบและมีหลักฐานรองรับ เพื่อให้ทุกคนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพตนเองได้เต็มที่ ด้วยความรู้และเทคนิคเหล่านี้ ทั้งนักเรียนและผู้สนใจจะมีเครื่องมือในการปรับตัวและก้าวหน้าในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว


Tags: พัฒนาสมอง, เรียนรู้ประสาทวิทยา, จิตวิทยาการเรียนรู้, พัฒนาสมาธิ, วิทยาศาสตร์สมอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น (0)

ยังไม่มีความคิดเห็นสำหรับบทความนี้

โฆษณา

คำนวณฤกษ์แต่งงาน 2568

ปฏิทินไทย

09 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
วันศุกร์

วันหยุดประจำเดือนนี้

  • วันแรงงาน
  • วันฉัตรมงคล
Advertisement Placeholder (Below Content Area)